จาก นิราศพระบาท

สุนทร ภู่

พระอาทิตย์มืดมิดเข้าเมฆมัว
ฟ้าสลัวแดดดับพยับไพร
กองคเชนทร์เกณฑ์ช้างยี่สิบเชือก
มาจัดเลือกกองหมอขึ้นคอไส
ที่เดินดีขี่กูบไม่แกว่งไกว
วิสูตรใส่สองข้างเป็นช้างทรง
แล้วผ่อนเกณฑ์กองช้างไว้กลางทุ่ง
เวลารุ่งจะเสด็จขึ้นไพรระหง
ที่สี่เวรเกณฑ์กันไว้ล้อมวง
พระจอมพงศ์อิศยมบรรทมพลันฯ
อันพวกเราเหล่าเสวกามาตย์
เหนื่อยอนาถนิทราดังอาสัญ
แสนวิตกอกพี่นี้ผูกพัน
ให้หวั่นหวั่นเวทนาด้วยอาวรณ์
สดับเสียงสัปปุรุษที่หยุดพัก
เขาร้องสักวาอึงทั้งครึ่งท่อน
บ้างชมป่าช้าปี่ทีละคร
ถึงสบกลอนที่จะรู้ก็สู้เมิน
เฝ้าแหงนดูดวงแขชะแง้พักตร์
เห็นจันทร์ชักรถร่อนเวหาเหิน
ดูดวงเดือนเหมือนชื่อรื้อเผอิญ
ระกำเกินที่จะเก็บประกอบกลอน
จนไก่เถื่อนเตือนขันสนั่นแจ้ว
ดุเหว่าแว่วหวาดหมายว่าสายสมร
เดือนแอร่มแจ่มล้ำในอัมพร
กองกุญชรผูกช้างมายืนเรียงฯ
บรรดาเพื่อนเตือนตื่นขึ้นเซ็งแซ่
บ้างจอแจจัดการประสานเสียง
บ้างม้วนเสื่อมัดกระสอบหอบเสบียง
บ้างถุ้งเถียงชิงสัปคับกัน
บ้างขึ้นบนขนส่งคนข้างล่าง
เสียงโฉ่งฉ่างขามแตกกระแทกขัน
จนคนบนสัปคับรับไม่ทัน
หม้อข้าวขันตกแตกกระจายราย
ย่ามกระสอบกรอบแกรบกระไกรกริก
กลักพริกพลิกแพลงตะแคงหงาย
กะโปเลเชือกร้อยขึ้นห้อยท้าย
เมื่อยามร้ายดูงามกว่าชามดินฯ
สงสารนางชาวในที่ไปด้วย
ทั้งโถถ้วยเครื่องแต่งแป้งขมิ้น
หวีกระจกตกแตกกระจายดิน
เจ้าของผินหน้าหาน้ำตาคลอ
จะปีนขึ้นกูบช้างไม่กางขา
แต่โดยผ้ากรีดกรอมทำซอมซ่อ
มือตะกายสายรัดสกนธ์คอ
เห็นช้างงองวงหนีก็หวีดอึง
แต่ปีนไพล่เหนี่ยวพลัดสุหรัดขาด
สองมือพลาดพลัดคว่ำลงต้ำผึง
กรมการบ้านป่าเขาฮาตึง
ทำโกรธขึ้งเรียกพวกผู้ชายเร็ว
บ้างขึ้นช้างพลางฉวยข้อมือฉุด
ดังอุณรุทจับกินนรที่ในเหว
ไม่นึกอายอัประมาณเป็นการเร็ว
บ้างโอบเอวอุ้มนางขึ้นช้างพังฯ
สุรแสงแจ่มแจ้งอร่ามโลก
บริโภคอิ่มเอิบอารมณ์หวัง
ขัตติยวงศ์ทรงช้างกูบบัลลังก์
รับสั่งสั่งสารถีให้ไสเดิน
จากศาลาท่าเรือเข้าทิวทุ่ง
เป็นฝุ่นฟุ้งนภางค์ในทางเขิน
กูบกระโดกโยกอย่างทุกย่างเดิน
เขยื้อนเยินยอบเยือกยะยวบกาย
ทั้งสองข้างท่านวางเป็นช้างดั้ง
ระยะหลังมหาดเล็กนั้นเหลือหลาย
แต่ตัวพี่นี้จำเพาะเป็นเคราะห์ร้าย
ต้องขึ้นพลายนำทางช้างน้ำมัน
เพื่อนเขาแกล้งตบมือกระพือผัด
ช้างสะบัดบุกไปในไพรสัณฑ์
ผงะหงายคนท้ายเขาคว้าทัน
โอ้แม่จันทร์เจียนจะไม่เห็นใจจริง
นึกจะโจนจากช้างลงกลางเถื่อน
แล้วอายเพื่อนเขาจะเย้ยว่าใจหญิงฯ







ต้นโศกทอดยอดขวางออกกลางห้วย
พี่ก็ช่วยผูกชิงช้าให้อาศัย
พวกผู้หญิงชิงขึ้นให้ช้าไกว
สนุกใจร้องเตือนให้เพื่อนโยน
ดูทำนองนางในไกวชิงช้า
ดังสีดาผูกคอที่โรงโขน
เถาวัลย์เปราะเคราะห์ร้ายพอสายโยน
ก็ขาดโหนลงในน้ำเสียงต้ำโครม
ผ้าห่มเปลื้องเครื่องเล่นอล่างฉ่าง
ทั้งสองข้างผู้คนเขาฮาโหม
พี่แลลานธารหลวงเพียงทรวงโทรม
ให้แสนโทมนัสทัศนา
คำขนานธารเกษมก็สมชื่อ
สนุกคือเรื่องอิเหนาเสน่หา
เมื่อใช้บนเล่นชลธารา
อันเรื่องว่ากับเราเห็นก็เช่นกัน
ประดับด้วยก้อนแก้วปัทมราช
สดสะอาดท่าเขียวก็เขียวขัน
มัจฉาว่ายรายเรียงมาเคียงกัน
แล้วมีพรรณบุปผาก็น่าชม
หล่นลงกลาดดาษเกลื่อนที่กลางน้ำ
ถึงใจช้ำก็ค่อยชื่นอารมณ์สม
ทั้งหญิงชายชิงชวนกันเก็บชม
แสนภิรมย์เบิกบานสำราญเรียง
แต่หนุ่มสาวคราวเรานี้นับร้อย
ลงเล่นลอยกลางธารประสานเสียง
ล้วนจับคู่ชู้ชายชม้ายเมียง
ที่คู่ใครใครเคียงประคองกัน
แสนสนุกจะมาทุกข์อยู่เพียงพี่
ยิ่งทวีความวิโยคให้โศกศัลย์
เห็นคู่รักเขาสมัครสมานกัน
คิดถึงวันเมื่อมาดสวาทนาง
แต่วอนเวียนเจียนวายชีวิตพี่
จึงได้ศรีเสาวภาคย์มาแนบข้าง
เจ้าเคืองขัดตัดสวาทขาดระวาง
จนแรมร้างออกมาราวอรัญวา
ครั้นอิเหนาสุริย์วงศ์อันทรงกริช
พระทรงฤทธิ์แรมร้างจินตะหรา
พระสุธนร้างห่างมโนห์รา
พระรามร้างแรมสีดาพระทัยตรอม
องค์พระเพชรปาณีท้าวตรีเนตร
เสียพระเวทผูกทวารกรุงพาลถนอม
สุจิตราลาตายไม่วายตรอม
ล้วนเจิมจอมธรณีทั้งสี่องค์
แสนสุขุมรุ่มร้อนด้วยร้างรัก
ยังไม่หนักเหมือนพี่โศกสุดประสงค์
ไม่ถึงเดือนเพื่อนรักเขาทักทรง
ว่าซูบลงกว่าก่อนเป็นค่อนกาย
พี่แกล้งเฉยเลยชมชลาสินธุ์
ในที่ถิ่นธารเกษมกระแสสาย
แต่เพลินชมอยู่นั้นตะวันชาย
ก็กลับหมายมุ่งมายังอารามฯ